ชื่อไทย: หัวผักกาดฝรั่ง
ชื่ออังกฤษ: Radish
ชื่อวิทยาศาสตร์: Raphanus raphanistrum subsp. sativus
ผักเมืองหนาวที่เราอาจจะเริ่มคุ้นเคยหัวจิ๋วหลิวสีแดงสดใสนี้บ้างแล้ว แต่ที่จริงมันมีหลากสีสันทั้งเหลือง ขาว ม่วง ชมพู หรือแม้แต่สีดำตามสายพันธุ์แยกย่อยของมัน แต่ไม่ว่าสีไหน เนื้อแน่นฉ่ำน้ำด้านในของมันเป็นสีขาวนวลหรือชมพูระเรื่อ รสชาติเผ็ดกรอบ มีกลิ่นฉุนขึ้นจมูกนิดๆ ชวนให้เจริญอาหาร
เห็นเป็นหัวกลมๆ คล้ายไข่ที่มีรากยาวเหมือนหาง แต่จริงๆ แล้วเจ้าหัวกลมๆ นั้นคือรากแก้วที่พองโตเพื่อสะสมอาหาร ส่วนหางคือปลายของรากแก้วที่พยายามแทงลึกลงไปในดิน แรดิชจึงเป็นผักที่มีสารอาหารสะสมไว้หลากหลาย ทั้งแคลเซียม (Calcium) โพแทสเซียม (Potassium) ฟอสฟอรัส (Phosphorus) ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีน (ฺBeta-carotene) รวมทั้งคาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) มันจึงเป็นอีกผักคาร์บทางเลือกแทนการกินแป้งของสายสุขภาพด้วยนั่นเอง
การเลือกซื้อ
หัวผักกาดฝรั่งในซูเปอร์มาร์เก็ตอาจจะตัดลำต้นและใบสีเขียวออกเพื่อให้เก็บได้นานขึ้น การดูว่าหัวผักกาดสีแดงสดนั้นยังสดอยู่ไหม จึงสังเกตได้จากตรงรอยตัดที่ไม่ดำเกินไป แต่ถ้าเลือกที่ยังมีลำต้นและใบเขียวๆ ติดมาได้ ก็ยืนยันง่ายขึ้นว่าแรดิชนั้นๆ สดกรอบแน่นอน
วิธีล้าง
ตัดใบออก แล้วล้างคราบดินออกให้สะอาด แช่ในน้ำผสมเบกกิ้งโซดา อัตราส่วน 10 : 1 สัก 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำไหล 2 นาทีแล้วค่อยนำไปกินหรือปรุงอาหาร แต่หากอยากเก็บไว้ในตู้เย็น ให้ตัดใบออก ห่อด้วยกระดาษ ใส่กล่องหรือถุงมิดชิดแล้วแช่ตู้เย็น จะเก็บได้นานขึ้น
วิธีกิน-วิธีปรุง
เราสามารถกินแรดิชสดๆ เป็นผักแกล้มน้ำพริกแบบฟิวชั่นได้ หรือจะฝานบางๆ ใส่สลัดรสกรุบกรอบก็ดี แต่เพราะมีคาร์บอยู่ไม่น้อย จะนำมาผัด ย่าง หรืออบกินแทนผักหัว แป้ง และข้าวก็ได้เช่นกัน ด้วยรสนวลๆ และมีกลิ่นฉุนเผ็ดปลายลิ้น ช่วยให้เจริญอาหารดี