ชื่อไทย: กะหล่ำดอก
ชื่ออังกฤษ: Cauliflower
ชื่อวิทยาศาสตร์: Brassica oleracea var. botrytis
แม้จะถูกเรียกเป็นดอกราวกับงอกออกมาจากต้นกะหล่ำ แต่จริงๆ แล้วกะหล่ำดอกเป็นผักอีกชนิดในตระกูลกะหล่ำ ลักษณะเป็นก้านช่อ รสชาติเรียบๆ ไม่หวือหวา แต่อุดมไปด้วยประโยชน์ทั้งวิตามินซี (Vitamin C) โฟเลต (Folic acid) แคลเซียม (Calcium) แมกนีเซียม (Magnesium) ฯลฯ มีสรรพคุณเดียวกับญาติตระกูลกะหล่ำอย่างการยับยั้งเซลล์มะเร็งในปอดและลำไส้ใหญ่ แถมยังมีไขมันและแคลอรี่ต่ำมาก จึงเป็นอีกวัตถุดิบอาหารสุขภาพที่นิยมทั้งในยุโรป อเมริกา และแถบบ้านเรา
ส่วนบรอกโคลี (Broccoli) ที่หน้าตาออกจะคล้ายกะหล่ำดอกสีเขียว แต่รสชาติค่อนไปทางคะน้า ก็เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำอีกนั่นแหละ จุดเด่นคือมีโปรตีนสูงมากจนกลายเป็นผักยอดฮิตของชาวมังสวิรัติ
การเลือกซื้อ
เวลาเลือกซื้อ ให้เลือกดอกแน่นๆ ก้านและดอกยังแข็ง ใบเขียวสดกรอบ รอยไหม้เหลืองๆ ที่ดอกนิดหน่อยเกิดจากการถูกแดดเผา ไม่มีผลต่อรสชาติ แต่ถ้าเป็นจุดสีน้ำตาลหรือเทาแปลว่าขึ้นรา สามารถตัดทิ้งได้ก่อนนำไปปรุง
วิธีล้าง
กะหล่ำดอกเป็นอีกพืชที่ใช้เคมีในการปลูกค่อนข้างสูง จึงควรล้างอย่างระมัดระวัง แช่กะหล่ำดอกในน้ำเปล่า 10 ส่วน ผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกอีกครั้งด้วยวิธิเปิดน้ำไหลผ่านนาน 1-2 นาที จากนั้น ค่อยตัดแต่ง โดยเริ่มจากการตัดใบและส่วนล่างของก้านทิ้งก่อน แล้วค่อยๆ ใช้มีดตัดก้านให้กลายเป็นช่อ
วิธีกิน-วิธีปรุง
ถึงจะมีรสชาติอ่อน ไม่โดดเด่น แต่นั่นก็ทำให้กะหล่ำดอกเหมาะกับการปรุงอาหารรสจัด เพราะช่วยดูดซับรสชาติของอาหารเข้าไป เมนูคุ้นเคยของคนไทยก็คือแกงส้มกะหล่ำดอก ต้มจิ้มน้ำพริก หรือผัดผัก ในขณะที่ฝั่งตะวันตกจะนิยมปรุงกะหล่ำดอกกับชีส ครีม และเนย ที่ให้รสเข้มข้น เมนูยอดฮิตก็คือกะหล่ำดอกอบชีสนั่นเอง
ที่มาข้อมูล
- สารานุกรมผัก ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์