NEW NEW

ถั่วงอก

ชื่อไทย: ถั่วงอก
ชื่ออังกฤษ: Bean Sprout
ชื่อวิทยาศาสตร์: Vigna radiata (L.)

ถ้าว่ากันตามนิยาม ถั่วงอกคือต้นถั่วอะไรก็ได้ที่มีรากงอกจากเมล็ด จะเป็นถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วเหลือง หรือถั่วลันเตา แต่ถั่วงอกที่เราคุ้นเคย เพาะมาจากถั่วเขียว เป็นผักยอดฮิตที่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีทั้งโปรตีน (Protein) วิตามินบีและซี (Vitamin B, C) ไฟเบอร์ (Fiber) ธาตุเหล็กและเกลือแร่ รวมทั้งยังมีแคลอรีต่ำด้วย

แม้จะประโยชน์สูง แต่สิ่งที่ต้องระวังคือถั่วงอกส่วนใหญ่ในท้องตลาดอาจปนเปื้อนสารเร่งโตเร่งอ้วนตอนปลูก และสารฟอกขาวเพื่อให้ถั่วงอกไม่เป็นสีออกเหลืองเจือน้ำตาลเหมือนถั่วงอกที่เพาะเอง ซึ่งเจ้าสารฟอกขาวนี้ทำให้ถั่วงอกช้ำและเสียง่ายจนต้องพึ่งฟอร์มาลีน (Formalin) หรือสารส้มเพื่อให้ถั่วงอกดูสดกรอบนานแทน กลายเป็นว่าทุกกระบวนการมีสารตกค้างแถมมาให้คนกินทั้งสิ้น

การเลือกซื้อ

เพราะต้องระวังสารปนเปื้อน จึงควรเลือกซื้อถั่วงอกที่ไม่อวบอ้วนหรือขาวจนเกินไป อีกวิธีสังเกตว่าถั่วงอกผ่านสารฟอกขาวหรือไม่ คือมักไม่มีเปลือกถั่วเขียวๆ ติดอยู่เลย เพราะสารฟอกขาวทำให้พวกมันหลุดออกไปหมด หรือหากซื้อมาแล้ว สามารถเก็บไว้ได้หลายวันโดยที่สีไม่คล้ำลงไปเลย ก็อาจเป็นได้ว่าถั่วงอกนั้นถูกฟอกขาวหรืออาบฟอร์มาลีน (Formalin) มาเรียบร้อยแล้ว

วิธีล้าง

การแช่ถั่วงอกในน้ำสะอาด แล้วเหยาะน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย ช่วยให้ถั่วงอกกรอบและสดได้นานขึ้น

การปลูก

ถั่วงอกเป็นพืชปลูกง่ายที่หลายคนอาจได้ทดลองทำสมัยเป็นนักเรียนชั้นประถม แต่นอกจากวิธีพื้นฐาน ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เพาะในขวดพลาสติกเจาะรูแล้วเก็บไว้ในที่มืด เพาะในขวดกาแฟคงความชื้นที่ปิดฝาด้วยผ้าแล้วรดน้ำ หรือเพาะใส่ผ้ากระสอบเป็นชั้นๆ ในถังปิดมิดชิด ทั้งหมดช่วยให้ถั่วงอกโตไว ไม่ต้องพึ่งดิน และปลอดภัยกว่าการซื้อกินอย่างไม่รู้ที่มา

วิธีกิน-วิธีปรุง

ในถั่วงอกดิบมีสารไฟเตท (Phytate) ที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีเท่าที่ควร แต่สามารถสลายไปได้เมื่อปรุงให้สุก จึงควรกินถั่วงอกที่ปรุงสุกแล้วมากกว่า จะลวก ผัด หรือใส่ในแกงจืดก็ได้ แต่สิ่งที่อันตรายกว่าสารไฟเตทก็คือสารฟอกขาว ที่หากกินถั่วงอกดิบที่มีสารฟอกขาวเข้าไป อาจก่อให้เกิดอาการหายใจขัด ความดันเลือดต่ำ ท้องเสีย อาเจียน ผู้ที่แพ้รุนแรงหรือป่วยเป็นโรคหอบหืดอาจช็อก หมดสติ หรือเสียชีวิตได้ หากไม่สามารถรู้ที่มาของถั่วงอกได้ การเลือกกินถั่วงอกสุกก็ช่วยลดความเสี่ยงจากสารฟอกขาวได้มากกว่า

บทความที่เกี่ยวข้อง

ที่มาข้อมูล